เปิดตัวเปิดใจอาจารย์สาวคนสวย “เดียร์-ณัฐมา” หรือเจ้าของฉายา “เดียร์ Kimshaein” ที่หลายคนชูป้ายไฟ “เน็ตไอดอล” ให้แก่เธอ หนุ่มๆ หลายคนอาจจะเพ้อกับรูปลักษณ์หน้าตาที่น่ารักน่าหลง แต่เมื่อจำเพาะเจาะจงลงไปที่ความคิดอ่าน นี่คืออาจารย์ที่น่ายกย่องมากที่สุดคนหนึ่ง ทั้งสวยทั้งเก่งและใจดี มีหรือที่นักเรียนจะอยากลาอยากขาด?
|
|
![]() |
มองผาดๆ ผ่านๆ ทางหน้ากระดานเฟซบุ๊กที่ถูกแชร์กันไปเรื่อยๆ เราอาจจะเห็นว่า หญิงสาวคนนี้ก็ไม่ได้ต่างไปจากหญิงสาวอีกหลายๆ คนซึ่งเพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติด้านรูปลักษณ์หน้าตา แต่เพราะความจริงที่ว่า ทำไมกันหนอ เธอจึงกลายเป็นดั่งป๊อปสตาร์ที่ผู้คนให้ความสนใจ จึงมิอาจห้ามใจให้เราอยู่นิ่งเฉย และภายหลังการตอบรับอย่างสุภาพ เราจึงได้พบกับหญิงสาวผู้นี้
“เดียร์-ณัฐมา ไชยวรโยธิน” หรือ “เดียร์ Kimshaein” สำหรับคนในแวดวงบันเทิง อาจคุ้นหน้าคุ้นตาของเธออยู่บ้าง จากหลายบทบาทที่ได้รับ ไม่ว่าจะเป็นงานโฆษณา งานถ่ายแฟชั่น งานพิธีกร หรือแม้กระทั่งงานประกวดระดับประเทศอย่างเวทีมิสไทยแลนด์เวิลด์ เธอก็ไปเดินมาแล้ว
อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากบทบาทที่ว่ามา อีกสถานะหนึ่งซึ่งสาวสวยคนนี้ยินดีแบกรับไว้ด้วยใจที่เป็นสุข คือการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย หนึ่งในความคิดความฝันของเธอแต่วัยเยาว์...
|
|
![]() |
• หน้าตาดีขนาดนี้ หลายคนคงคิดว่าคุณเป็นดารามากกกว่าจะเป็นอาจารย์นะ
(ยิ้ม) จริงๆ ตอนอายุ 20 เราเคยไปประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์นะ แต่ตกรอบในรอบสุดท้าย แล้วบังเอิญมีโมเดิลลิ่งเห็นว่าเราหน้าตาดี (หัวเราะ) เลยมาขอเบอร์ไว้ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่วงการค่ะ แต่เดียร์ก็ไม่ใช่สายตระเวนประกวดอะไรนะคะ ทุกครั้งที่ประกวดเป็นเพราะว่าคุณแม่อยากให้ลองประกวด คุณแม่บอกว่าครั้งหนึ่งในชีวิตก็อยากให้ลองทำดู เพื่อเอาประสบการณ์ ไม่ได้หวังชนะ แต่ถ้าชนะนั่นก็คือผลพลอยได้ค่ะ (ยิ้ม)
• งานบันเทิงที่ทำในช่วงนั้น มีอะไรบ้างคะ
ครั้งแรกก็ถ่ายโฆษณาค่ะ ประทับใจมาก เพราะเวลาเราอยู่ในกองถ่ายโฆษณา เขาดูแลเราดีมากเลย ตั้งแต่อาหารการกิน ทุกคนดูแล รักกัน เป็นห่วงเป็นใยตลอดในเวลาทำงาน ก็เลยประทับใจ หลังจากนั้นก็ไปแคสติ้งเรื่อยๆ ก็มีงานถ่ายแบบ ถ่ายละคร พิธีกร อะไรทำนองนี้ค่ะ
• เหมือนว่าจะไปได้สวยในงานบันเทิง ไปยังไงมายังไงถึงได้มาเป็นอาจารย์ในท้ายที่สุดคะ
คือลึกๆ เรารู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะกับงานบันเทิงเท่าไหร่นะ เราไม่อยากเป็นดารา แต่แค่เราได้ทำอะไรแบบนั้น เรารู้สึกโอเคแล้วค่ะ ส่วนการเป็นอาจารย์ เดียร์มาเริ่มตอนเรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สาขาเทคโนโลยีสื่อสารและการศึกษา ซึ่งอาจารย์ที่นั่นท่านเห็นว่าเรามีความสามารถด้านการสอน เรานำเสนองานต่อหน้าคนอื่นได้ดี เวลาเราเล่าเรื่องราวต่างๆ มันดูน่าสนใจ มีคนฟัง อาจารย์ก็เลยบอกว่าเราควรจะเรียนต่อให้ได้สูงกว่านี้จนถึงระดับด็อกเตอร์
พอเรียนจบปริญญาโท เดียร์เคยลองไปสอนเเทนอาจารย์ท่านด้วยนะคะ ตอนนั้นมีหน่วยงานหนึ่งติดต่อท่านมาแล้วท่านไปไม่ได้ เราเลยได้มีโอกาสไปสอน ซึ่งคนที่มาฟังก็เป็นกลุ่มคนที่มีความรู้สูงๆ คนจากหน่วยงานราชการต่างๆ เขาก็มีหัวข้อให้เรามาสอน เช่นเรื่องพัฒนาบุคคลิกภาพ เรื่องการออกแบบ เรื่องการนำเสนอ เรื่องการสร้างความมั่นใจ ตอนนั้นถือว่าเราเป็นวิทยากรหน้าใหม่ อายุยังน้อย แล้วไปสอนบรรยายให้คนที่อยู่ในหน่วยงานราชการ คนที่อยู่ในระดับหัวหน้าหน่อยหัวหน้าศูนย์ ผู้ชำนาญการ ผู้อำนวยการ ซึ่งย่อมมีความรู้มากกว่าเราอยู่แล้ว บางอย่างเขาต้องรู้มากกว่าเราอยู่แล้ว ดังนั้น เมื่อเราจะไปสอนเขา เราต้องเตรียมตัวให้ดี และเวลาที่เราไปสอน เราก็พยายามบอกว่านี่คือประสบการณ์ของเรา นี่คือเทคนิคที่เราใช้กับเราแล้วมันได้ผล จากประสบการณ์ของเรา แต่อาจจะไม่เท่ากับทุกท่านที่นั่งฟัง...เราพูดไปแบบนั้น เขาฟังแล้วเขาก็ประทับใจ ยอมรับในตัวเรา
คนที่อายุเยอะกว่าเรา เจอหน้าเรา เขายกมือไหว้ เราก็รู้สึกว่าประทับใจทุกครั้งที่ไปสอน ไม่ว่าจะเป็นคนอายุน้อยกว่าหรือมากกว่า จะเรียกเราว่าอาจารย์ ทุกคนเจอหน้าเราจะทักเรา ทุกคนเจอหน้าเรา จะสวัสดีเรา แล้วก็เสนอความคิดเห็นข้อแลกเปลี่ยนมุมมองต่างๆ หรือว่าซักถามอะไรที่ยังสงสัยไม่เข้าใจ มันก็เลยเกิดความประทับใจกับคำว่าครู คำว่าอาจารย์
|
|
![]() |
• ตอนนี้ “ครูเดียร์” หรือ “อาจารย์เดียร์” ของลูกศิษย์ สอนวิชาอะไรบ้างคะ
หลักๆ เดียร์สอนคณะศึกษาศาสตร์ สาขาเทคโนโลยีและนวัฒกรรมการศึกษาและคอมพิวเตอร์ศึกษา ก็สอนเรื่องเทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์ พื้นฐานคอมพิวเตอร์ทุกอย่าง องค์ประกอบคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ ฮาร์ตแวร์ ซึ่งเดียร์จะสอนตั้งแต่มหาวิทยาลัยชั้น ปี 1 จนถึงชั้นปี 3 ค่ะ
• แล้วงานวงการบันเทิง ยังทำอยู่หรือเปล่าคะ
ตอนนี้ก็ยังรับงานอยู่ค่ะ มีโฆษณามีอะไรติดต่อมา เราก็ยังรับอยู่ ถ้ามีเวลาว่างและจัดสรรเวลาตรงนั้นได้ เราก็ยินดีที่จะรับงาน แต่เราก็ต้องมีการจัดแบ่งเวลาตามตารางให้ชัดเจน เพราะหน้าที่หลักของเราตอนนี้คือเป็นอาจารย์สอนหนังสือ เรามีสอนทุกวัน จันทร์-พฤหัสบดี มีวันหยุดก็คือวันศุกร์และอาทิตย์ แต่วันเสาร์มีสอน ส่วนงานวิทยากร เดียร์ก็จะรับนะคะ เพราะเราเป็นคนที่ชอบแชร์ประสบการณ์ ชอบให้ความรู้กับคนอื่น เรามีความสุขทุกครั้งที่เราได้เจอคนที่เข้ามานั่งฟัง แล้วเวลาเขามีปฏิสัมพันธ์กับเรา เขายิ้ม เขาโต้ตอบ เราจะรู้สึกดีมาก เหมือนเขาสนใจ เหมือนเขาตั้งใจที่จะมา
• แสดงว่าทั้งสองอาชีพนี้เป็นความใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กเลยหรือเปล่าคะ
ไม่ใช่เลยค่ะ (หัวเราะ) ตอนเด็กๆ เรามีความฝันว่าอยากเป็นหมอนะ (หัวเราะ) เด็กๆ ก็จะมีชุดเครื่องเล่นคุณหมอ เราก็จะเอาคุณพ่อคุณแม่หรือไม่ก็น้องมานั่งตรวจ มานั่งผ่าตัด แบบแกล้งทำน่ะ เพราะเราอยากรักษาคน อยากรักษาพ่อแม่เวลาท่านไม่สบาย แต่ด้วยความที่เรากลัวเลือด เลยต้องเปลี่ยนความคิด (หัวเราะ) ซึ่งจุดที่เราผันตัวเองมาอย่างนี้ มันมีที่มานะคะ เพราะตอนเด็กๆ อีกอย่างหนึ่งซึ่งเราชอบเล่นคือเล่นเป็นพิธีกร เราจะชอบอยู่กับวิทยุ ทีวี แล้วเป็นคนที่ชอบเอาหนังสือมาเปิดอ่านหน้ากระจก แล้วก็อัดเทป เป็นพิธีกรเอง แล้วก็มีทำโฆษณาเองด้วยเพื่อคั่นเวลา (หัวเราะ)
• ถ้าให้เลือกทำอาชีพใดอาชีพหนึ่งจะเลือกอาชีพไหนคะ
เลือกไม่ได้นะ คือเราเริ่มต้นจากงานด้านบันเทิง แล้วมันเป็นสิ่งที่มีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำ เรามีความสุขทุกครั้งที่ได้ไปกองถ่าย งานบันเทิงเราก็ชอบ แล้วเราก็มีความสุขที่จะทำมัน ส่วนอาจารย์เราก็รัก เพราะเราชอบการที่จะให้ความรู้ การที่จะสอนคน การที่จะผลิตคนให้ออกมาเป็นคนดี มีคุณภาพในตัวของเขาเอง ยังไงก็ต้องคู่กันค่ะ (หัวเราะ)
|
|
![]() |
|
|
![]() |
• การสอนเด็กมหา’ลัย มีความยากความง่ายอย่างไรบ้างคะ
มันก็ยากอยู่นะ (หัวเราะ) แต่เราต้องมีเทคนิคในการสอน เพื่อให้เด็กที่ไม่ตั้งใจเรียน อยากมาเรียนหนังสือ ให้เขาสนใจในการเรียน เวลาสอน เราต้องเอาเด็กเป็นศูนย์กลาง ต้องดูเด็กว่าในวันนี้เด็กสามารถรับการเรียนได้ไหม ต้องรู้ว่าวันนี้เขาได้แค่ไหน ดูพฤติกรรมของเด็ก ถามนู่นถามนี่เพื่อให้เขาได้ตื่นตัว แต่เราคิดว่ามันสนุกตั้งแต่เราสอนมา เกือบ 1 ปี มันมีความประทับใจ เดียร์จะเน้นให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางค่ะ เพราะว่าเด็กที่เราสอนจะมีความรู้ที่ไม่เท่ากัน เราต้องดูสไตล์ของเด็ก ถ้าวันใดดูลักษณะเด็กง่วงซึม ไม่ค่อยกระฉับกระเฉง เราจะไม่อัดความรู้ แต่จะมีการซักถามเพื่อให้เขาเกิดความกระตือรือร้น มีกิจกรรมให้ทำระหว่างเรียน ให้เขารู้จักคิด แก้ไขปัญหาด้วยตัวของเขาเอง ก่อนที่เราจะแนะนำเขา
เท่าที่สอนมา เรายังรับมือได้ ด้วยความที่เราเป็นพิธีกร เราใช้เทคนิคด้านนี้มาปรับใช้ในการสอน จริงๆ หน้าเราอาจจะดูหน้าตาใจดี แต่ว่าเรียนก็คือเรียน หน้าที่ของเราต้องรู้ หน้าที่เด็ก หน้าที่อาจารย์ เรามีการรักษาระยะห่างเราระหว่างเราลูกศิษย์เพื่อให้ลูกศิษย์เกิดการเคารพ ส่วนนี้เราคิดว่ามันขึ้นอยู่กับที่ของเราเอง เท่าที่สอนที่นี่ลูกศิษย์ เขามีความเกรงใจ ไม่มีลักษณะแสดงกิริยาที่ก้าวร้าวกับอาจารย์ ยอมรับนะว่าเราภูมิใจมาก (ยิ้ม)
• คุณสมบัติของการเป็นครูหรืออาจารย์ที่ดี ในความคิดของอาจารย์เดียร์ คืออะไรคะ
อันดับแรกคือจะต้องเป็นผู้ที่มีใจรักก่อน และเป็นผู้ที่มีความเคารพในความเป็นครู เป็นผู้ที่มีจิตเมตตา ชอบช่วยเหลือผู้อื่น และที่สำคัญคือเป็นผู้ที่ให้สิ่งดีๆ ให้ทุกอย่างโดยไม่หวังผลตอบแทน (ยิ้ม) เพราะคำว่าครูหรืออาจารย์ เป็นความหมายที่ลึกซึ้ง เป็นอาชีพที่มีเกียรติ เมื่อมีคนเรียกเราว่าครูอาจารย์ แค่ได้ยินก็รู้สึกดีใจ เราไม่แปลกว่าทำไมเราถึงอยากเป็นครู เป็นเพราะว่าเราชอบเป็นผู้ให้ เรามีความรู้มีประสบการณ์ที่อยากถ่ายทอด เราอยากถ่ายทอดให้ทั้งหมด ให้ด้วยความเต็มใจและเราอยากเห็นเด็กในวันนี้ โตไปเป็นผู้ใหญ่ที่ดีและมีคุณภาพในวันหน้า ถ้าเราสามารถสร้างเขาขึ้นมาได้ เราก็รู้สึกภูมิใจ
• อาจารย์เดียร์ดุไหมคะ
(หัวเราะ) ไม่ดุค่ะ แต่จะใช้เหตุผลมากกว่า เวลาเราจะตำหนิเด็ก เราจะไม่ตำหนิเขาโดยตรง แต่เราอาจจะสอดแทรกเป็นเหมือนมุกตลกให้เขารู้สึกว่ามันไม่แรงเกินไป ถ้าเราทำอย่างนี้แล้วเด็กจะโอเคและขำตลอดเวลา จะเป็นคนค่อนข้างรีแล็กซ์เวลาสอน เด็กก็จะไม่เครียด เดียร์เป็นคนที่สบายๆ นะ ไม่ได้เป็นคนที่ซีเรียสเรื่องกฎเกณฑ์มาก เป็นคนที่ทำอะไรให้มันอยู่บนพื้นฐานความถูกต้อง เหมาะสมตามกาลเทศะแล้วก็รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นคนไม่เจ้าระเบียบ แต่อยู่ในความเหมาะสมมากกว่าค่ะ (ยิ้ม)
|
|
![]() |
|
|
![]() |
• ถามเป็นแนวทางสำหรับเด็กหรือเยาวชนที่ใฝ่ฝันว่าโตขึ้นอยากเป็นครูหน่อยค่ะว่าถ้าอยากเป็นครู จำเป็นหรือเปล่าคะว่าจะต้องเรียนเก่ง
ตรงนี้เดียร์ว่าก็ต้องเป็นคนที่มีความรู้ความเข้าใจที่ถ่องแท้ ต้องเป็นคนที่เรียนเก่งแต่ไม่ต้องถึงกับ เกรด 4.00 ให้เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถที่จะถ่ายทอดประสบการณ์อย่างถูกต้องก็พอค่ะ ส่วนตัวเดียร์ก็ไม่ใช่คนที่เก่ง ถือว่าอยู่ในระดับปานกลางถึงระดับดี เป็นคนที่เรียนค่อนข้างดี ซึ่งเราจะพยายามตั้งใจเรียน เดียร์เป็นคนที่ชอบเรียนหนังสือมาก เวลาอาจารย์สอนจะจดทุกคำพูดเลย เพราะถ้าอ่านหนังสือเอง จะไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ (หัวเราะ)
• จะว่าไปแล้วทั้งสองอาชีพ ไม่ว่าจะงานในวงการบันเทิงและงานด้านการศึกษาให้อะไรกับเราบ้างคะ
ให้หลายอย่างเลยค่ะ (ตอบเร็ว) ให้ประสบการณ์ในชีวิตทั้งหมด คือที่เราเป็นเราทุกวันนี้ ก็เพราะทั้งสองอาชีพนี้ อย่างงานบันเทิง ตอนแรกจริงๆ เราเป็นคนไม่กล้าแสดงออก แต่พอมาทำงาน เราก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนตัวเอง เพื่อให้เรารับงานนั้นได้ ก็คืออาชีพบันเทิงทำให้เราเป็นคนกล้า กล้าที่จะก้าวไปทำสิ่งต่างๆ
ส่วนอาชีพครูก็เหมือนเป็นการนำเอาสิ่งที่เราได้เรียนรู้ จากการกล้าที่จะทำในสิ่งต่างๆ ของอาชีพนักแสดงมาถ่ายทอดประสบการณ์ มันเหมือนเป็นการสืบเนื่องต่อกันมาค่ะ (ยิ้ม) จริงๆ การที่เรามาเป็นครู คือไม่ได้หวังอะไรอยู่แล้ว เราต้องการเป็นผู้ให้ในสิ่งดีๆ ให้วิชาความรู้ ให้แนวทางในการดำเนินชีวิต เพื่อให้เขาเป็นบุคคลที่ดีของสังคม เป็นบุคคลที่มีคุณภาพและมีความสามารถในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะด้านหน้าที่การงาน ด้านเรียน การใช้ชีวิต ด้านสังคม เราคิดว่า ถ้าเราเป็นครู เราสอนให้เขาได้ดีได้ เราจะรู้สึกประทับใจ ภูมิใจว่าเราสามารถปั้นเด็กคนหนึ่งขึ้นมาได้ เรามีความสุขที่ใจมากกว่า เงินทองไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งสำคัญคือความสุขที่มันเกิด
• ในฐานะที่เป็นครูบาอาจารย์ เรามองการศึกษาไทยว่าอย่างไรบ้างคะ
ก่อนอื่นเดียร์มองว่า คำว่าการศึกษามันคือสิ่งที่สำคัญมากที่สุด เพราะว่าการที่เราจะมาประกอบอาชีพอะไรได้ ต้องมีการศึกษาเป็นหลัก การศึกษาถือเป็นรากฐานของอนาคตเรา ก่อนที่จะไปประกอบอาชีพต่างๆ ส่วนการศึกษาไทยในปัจจุบัน เดียร์ว่ามันมีการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้วนะคะ เพราะว่าสมัยนี้มีการเรียนการสอนแบบบูรณาการ มีเรื่องราวของสังคม เศษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรมมารวมกันเพื่อให้ทุกคนได้เรียนรู้ ซึ่งถ้าเรามองการศึกษาปัจจุบัน เราจะเห็นว่านักเรียนไทยจะเรียนหลากหลายมากกว่าประเทศอื่น ได้รับความรู้ต่างๆ กว้างมากขึ้น ตรงนี้เดียร์คิดว่าการที่เราเรียนรู้อย่างกว้างขวางจะทำให้เราค้นหาตัวเองได้ว่าเราชอบด้านไหน และสมัยนี้เขามีการเรียนแบบเอานักเรียนเป็นศูนย์กลาง ไม่เหมือนสมัยก่อนมีแต่อาจารย์ป้อนอยู่ฝ่ายเดียว
|
|
![]() |
• นอกจากงานในด้านวงการบันเทิง งานวิทยากร และงานสอน มีงานอื่นที่รับผิดชอบอีกไหมคะ
ตอนนี้ก็มีงานธุรกิจเล็กๆ ค่ะ เกี่ยวกับบริษัทรับทำความสะอาดในสถานที่ย่อย จะเป็นงานจำพวกมีทีมงานเข้าไปในหน่วยงานของการไฟฟ้านครหลวง เพื่อไปทำความสะอาดอุปกรณ์ต่างๆ ค่ะ (ยิ้ม)
• เหมือนว่าจะเป็นคนที่ชอบทำงานหลากหลายมากเลยนะคะ
ใช่ค่ะ (ยิ้ม) เราเป็นคนชอบทำงาน ไม่ชอบอยู่เฉยๆ เพราะคิดว่างานคือการสอนคน อีกอย่างงานที่เราทำคืองานที่เรารัก ไม่ว่าจะงานบันเทิงหรือเป็นครูสอนให้ความรู้ ทุกอย่างที่เราทำมันก็จะย้อนมาสอนตัวเราเอง
• ในอนาคต ยังมีอะไรที่อยากทำอีกไหมคะ
เดียร์อยากจะเปิดโรงเรียนอนุบาล เป็นธุรกิจเล็กๆ ของเรา เดียร์มองว่ามันเป็นธุรกิจที่มีแต่ให้ ให้ทั้งความรู้และให้ความสุขค่ะ (ยิ้ม)
|
|
![]() |
สิ่งสุดปลื้มของเดียร์ Kimshaein
ชอบเที่ยว
เดียร์จะชอบที่ที่มีอากาศเย็น คนไม่เยอะ สงบ และใกล้ชิดกับธรรมชาติ เพราะมันทำให้เราสดชื่น สบายใจ เหมือนได้มาชาร์จพลังอีกครั้งหนึ่ง
ชอบทำบุญ
เพราะที่บ้านชอบทำบุญ อาจจะไปทำบุญต่างจังหวัดบ้าง บางทีก็สร้างหนังสือสวดมนต์ พระประธาน ไปถวายวัดที่ยังขาดปัจจัยค่ะ (ยิ้ม) คุณแม่เดียร์จะเป็นคนที่ชอบทำบุญมาก อย่างน้อย 1สัปดาห์ เราจะต้องไปถวายสังฆทาน 1 ครั้ง เพราะเรารู้สึกว่าทุกครั้งที่ทำ เราจะรู้สึกสบายใจมากขึ้น ให้ศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจอะไรทำนองนี้ค่ะ
“แม่” คือไอดอล
เวลาไปไหนแม่ก็จะไปด้วย แม่จะคอยไปรับไปส่ง ไม่ว่าจะไปกองถ่าย หรือทำอะไรต่างๆ ในการใช้ชีวิตทุกอย่าง คุณแม่คือต้นแบบของเดียร์ค่ะ (ยิ้ม)
สิ่งสุดยี๊ของเดียร์ Kimshaein
สุนัข
ตอนเด็กๆ เราไปเรียนหนังสือ กำลังจะเดินเข้าโรงเรียน จู่ๆ ก็มีสุนัขกลุ่มหนึ่งวิ่งมาชนเรา ข่วนเรา แล้วเราก็เลือดออกเต็มเลย เลยทำให้เรากลัวมาก แต่ว่าก็ชอบที่หน้าตามันน่ารักนะคะ
คนโกหก
การโกหกมันแสดงถึงความไม่จริงใจ ถ้าเขาคุยกับเราแล้วเขาไม่พูดความจริงหรือบิดเบือน เราจะเสียความรู้สึกมากเลยค่ะ ซึ่งคนที่จะมาเป็นแฟนกับเดียร์อย่างแรกต้องไม่โกหก
|
|
![]() |
Profile
ชื่อ : ณัฐมา ไชยวรโยธิน
ชื่อเล่น : เดียร์ Kimshaein
การศึกษา : ปริญญาตรีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล บพิตรพิมุขจักวรรดิ เอกระบบสารสนเทศ พัฒนาซอฟต์แวร์
ปริญญาโท มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะศึกษาศาสตร์ สาขาเทคโนโลยีสื่อสารและการศึกษา
อาชีพ : นางแบบ, พิธีกร, อาจารย์
Credit http://manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9580000115116